วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2551
กลยุทธ์การลงทุนสำหรับองค์กร
VoIP ดูจะเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจสำหรับรูปแบบการสื่อสารในอนาคตสำหรับธุรกิจ ซึ่งในปัจจุบันได้มีการหันเหมาสนใจการใช้ระบบ VoIP ทดแทนหรือเสริมกับระบบโทรศัพท์เดิมที่มีอยู่อย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ดีระบบการสื่อสารถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่เป็นหัวใจสำคัญขององค์กรที่ต้องพิจารณาและศึกษาให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสนใจลงทุน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
http://www.adslthailand.com/forum/viewtopic.php?t=11427 , ข่าว : Telecom Journal
http://www.vcharkarn.com/varticle/17875/5การสื่อสารด้วยระบบ VoIP, มาทำความรู้จักกับเทคโนโลยีซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างข้อมูลกับสัญญาณเสียงเข้าด้วยกัน เทคโนโลยีที่เรากำลังจะกล่าวถึงนี้ก็คือ... เทคโนโลยี Voice over IP หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า “VoIP”
VoIP ในเมืองไทย
อนาคตของ และทิศทางบริการของ VoIP
การให้ความสนใจในการให้บริการ โทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต (Voice over IP) ในไทย ปี 2551 มีการจัดอบรมสัมมนาทั้งที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายโดยมหาวิทยาลัยของรัฐโดยการสนับสนุนของผู้ให้บริการและมี กาจัดอบรมแบบมีค่าใช้จ่าย โดยมีเป้าหมายกลุ่มลูกค้า ที่มีสำนักงานหลายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ แล้วต้องการที่จะทำ conference ประชุมโทรศัพท์พร้อมๆ กันหลายสายผ่านอินเตอร์เน็ต บริษัทมีหลายสาขาทั่วประเทศไทย และมีการติดต่อโทรศัพท์ไปมาถึงกันระหว่างสาขาบ่อยมากอยากจะลดค่าใช้จ่ายโทรศัพท์, ต้องการเปิดสำนักงานเล็กๆ ให้บริการด้านโทรศัพท์โทรทางไกลระหว่างประเทศ(แบบผ่านอินเตอร์เน็ต) ญาติและลูกอยู่ต่างประเทศต้องการที่จะลดค่าใช้จ่ายโทรทางไกลระหว่างประเทศ เพื่อนำไปติดตั้งและประยุกต์ใช้งานในองค์กร บริษัทเพื่อลดค่าใช้จ่ายโทรศัพท์มากกว่า 70-80% , ประหยัดค่าใช้จ่ายในการโทรไปต่างประเทศได้เป็นจำนวนมาก , การให้บริการโทรทางไกลระหว่างประเทศ เมื่อมีการเปิดเสรีโทรคมนาคม
วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2551
อุปกรณ์ที่จำเป็นกับเทคโนโลยี VOIP / อุปกรณ์ที่รองรับการทำงานของเทคโนโลยี VOIP
1) อุปกรณ์แปลงสัญญาณ (Internet Access Device: IAD) ซึ่งมีลักษณะเป็นกล่อง ทำหน้าที่แปลงสัญญาณให้สามารถใช้กับโทรศัพท์ทั่วไปได้
2) เครื่องโทรศัพท์ IP-Phone ซึ่งจะเป็นเครื่องโทรศัพท์สำหรับใช้บริการ IP-Phone โดยเฉพาะ
3) อุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อเข้ากับตู้สาขาหรือชุมสายโทรศัพท์ภายใน (PBX) ซึ่งเป็นอุปกรณ์เฉพาะเหมาะสำหรับหน่วยงานที่มีตู้ PBX สำหรับกระจายเลขหมายใช้ภายในหน่วยงาน ทำให้สามารถใช้บริการโทรศัพท์ติดต่อกับภายนอกผ่านบริการ CAT2Call Plus (แต่ถ้าเป็นหน่วยงาน/บ้านพักอาศัย ที่ไม่ได้ใช้ระบบ PBX ก็ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ตัวนี้)
ปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี VOIP ให้สามารถใช้บนระบบโทรศัพท์มือถือได้ เช่น โทรศัพท์มือถือค่าย Nokia รุ่น E-series ซึ่งสามารถรองรับการใช้งาน VOIP ได้โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์เชื่อมต่อใดๆ เพิ่มเติม
โดย Nokia E-Series มี WLAN ที่สามารถรองรับกับระบบการเชื่อมต่อ internet ผ่าน wireless และยังมีเทคโนโลยี SIP Protocalที่ส่งเสริมการใช้งานโทรศัพท์ผ่านระบบ VoIP ที่โทรศัพท์รุ่นอื่นๆ นั้นยังไม่มีเทคโนโลยีนี้รองรับ โดยจะต้องตั้งค่าต่างๆ ภายในเครื่อง และเชื่อมต่อ Internet ผ่านระบบ Wireless เพื่อที่จะใช้งานโทรศัพท์ผ่านระบบ VoIP ที่สามารถโทรหากันระหว่าง SIP Account ฟรี ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนทั่วโลกเพียงแค่สามารถเชื่อมต่อ Internet ได้ หรือการโทรศัพท์ระหว่างประเทศในอัตราพิเศษ
ซึ่ง SIP Account ที่นำมาใช้งานควบคู่กับ Nokia E-series นั้น สามารถหาได้จากผู้ให้บริการโทรศัพท์ระบบ VoIP ต่างๆ ที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน ซึ่งในประเทศไทยนั้น ยังถือว่าเป็นเรื่องใหม่ ยังมีผู้ใช้งานไม่มากนัก และยังมีผู้ให้บริการไม่กี่รายที่ให้บริการ SIP Account ที่รองรับการใช้งานกับโทรศัพท์มือถือ แต่คาดว่าอีกไม่นานโทรศัพท์ค่ายยักษ์ใหญ่รายอื่นๆ จะต้องถยอยออกโทรศัพท์มือถือที่มีระบบ VoIP รองรับการใช้งานออกมาอย่างแน่นอน เนื่องจากระบบ VoIP ไม่ได้มีประโยชน์เพียงแค่การโทรศัพท์เท่านั้น แต่สามารถนำมาใช้พัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานของบริษัทต่างๆ ได้อีกด้วย
บริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยี VOIP
สำหรับในประเทศไทยผู้ที่เปิดให้บริการการสื่อสารผ่านระบบ VOIP ที่ถูกต้องตามกฎหมายรายแรก คือ CAT Telecom โดยได้เปิดให้บริการ CAT2Call ในระยะแรกซึ่งเป็นบริการโทรศัพท์ผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต (Voice over Internet Protocol: VoIP) แบบ PC-to-Phone หรือ Web Phone ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ภายใต้ชื่อบริการ CAT2Call เพื่อตอบรับกับความต้องการของผู้ใช้บริการที่ต้องการโทรศัพท์ระหว่างประเทศในราคาประหยัด ซึ่งสามารถโทรได้ทันทีขณะที่กำลังใช้บริการอินเทอร์เน็ตอยู่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก CAT2Call มีข้อจำกัดที่ผู้ใช้บริการจะต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์ต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต จึงจะสามารถใช้บริการได้ หลังจากนั้น CAT Telecom จึงได้พัฒนาการให้บริการในรูปแบบใหม่เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ และเพิ่มกลุ่มผู้ใช้บริการในระดับองค์กร หรืออุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่เน้นค่าโทรศัพท์ราคาประหยัด โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้การโทรศัพท์ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์และโปรแกรมโทรแบบ CAT2Call หรือ PC-to-Phone อีกต่อไป
ภายใต้ชื่อบริการ CAT2Call Plus ซึ่งเป็นบริการ IP Phone แบบ Phone-to-Phone ด้วยเทคโนโลยี Session Initiation Protocol หรือที่เรียกกันว่า SIP Phone โดยมีเลขหมายสำหรับการติดต่อและรับสายเรียกเข้าได้ด้วย สามารถใช้บริการผ่าน อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต (Broadband Internet) โดยต้องมีความเร็ว (Speed) ของอินเทอร์เน็ตตั้งแต่ระดับ 128 Kbps ขึ้นต้นไป ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตแบบ Hi-Net, Corporate Internet ของ CAT Telecom หรือของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) รายอื่น
ข้อจำกัด/ข้อด้อยของเทคโนโลยี VOIP
ประโยชน์ที่ได้รับจากเทคโนโลยี VOIP
จากเนื้อหาที่ผ่านมาทำให้ได้ทราบถึงความหมายของเทคโนโลยี VoIP วิวัฒนาการของเทคโนโลยีรวมถึงกระบวนการทำงานของ VoIP แล้ว ดังนั้นในหัวข้อนี้จะกล่าวถึงข้อดีต่างๆ ของเทคโนโลยี VoIP ว่ามีข้อดีอะไรที่ควรจะนำมาประยุกต์ใช้งานได้
แน่นอนว่าข้อดีอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดของเทคโนโลยี VOIP นี้ก็คือ การประหยัดค่าใช้จ่ายลงไปอย่างมาก เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเสียค่าโทรศัพท์ระยะทางไกลหรือระหว่างประเทศอีก เพราะเทคโนโลยี VOIP จะส่งผ่านระบบเครือข่ายที่เชื่อมถึงกัน ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายภายในองค์กร เครื่อข่ายอินเตอร์เน็ต หรือระบบเครือข่ายอื่นๆ ทั่วโลก ตลอดจนระบบ VoIP ยังจะสามารถขยายขีดความสามารถออกไปได้อย่างไม่มีข้อจำกัด (ขึ้นอยู่กับการเชื่อมกันของระบบเน็ตเวิร์ก) เมื่อเปรียบเทียบกับโทรศัพท์ระบบเดิม
นอกจากนี้ประโยชน์ที่จะได้รับจากการนำเทคโนโลยี VOIP มาใช้เพื่อเป็นการติดต่อสื่อสารกันระหว่างสาขาที่อยู่ในระยะทางไกล จะทำให้องค์กรได้ประโยชน์ในแง่ของข้อมูลข่าวสารต่างๆ ระหว่างองค์กรมากยิ่งขึ้น เนื่องจากจะมีการสื่อสารแลกเปลี่ยนข่าวสารกันระหว่างสาขาขององค์กรมากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ต้องกังวลในเรื่องของค่าใช้จ่ายของการสื่อสารทางไกลอีกต่อไป ทำให้แต่ละสาขาได้รับข่าวสารข้อมูลล่าสุดขององค์กรอย่างทันท่วงที และไม่ต้องมีการรอ ซึ่งอาจนำมาซึ่งการล่าช้าในการปฏิบัติงานและการบริการ
อย่างไรก็ตาม กลุ่มเป้าหมายที่สามารถได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยี VOIP เพื่อการประยุกต์ใช้งานมากที่สุด ได้แก่... กลุ่มธุรกิจขนาดย่อม หรือ SME (Small/Medium Enterprise) รวมถึงกลุ่ม ISP (Internet Service Provider) ต่างๆ ซึ่งมีระบบเครือข่ายข้อมูลของตนเองอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเครือข่าย Leased Line, Frame Relay, ISDN หรือแม้กระทั่งเครือข่าย E1/T1 รวมถึงมีระบบตู้สาขาโทรศัพท์ในการใช้งานด้วย เป็นต้น แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับจำนวนการใช้งานสัญญาณเสียงผ่านระบบโทรศัพท์ด้วยว่ามีการใช้งานมากน้อยแค่ไหน คุ้มค่าแก่การลงทุนในการพัฒนานำเทคโนโลยี VoIP มาใช้หรือไม่
สำหรับกลุ่มธุรกิจ ISP นั้นสามารถที่จะนำเทคโนโลยี VoIP นี้มาประยุกต์ใช้งานเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในธุรกิจของตนเองมากยิ่งขึ้น โดยทาง ISP ต่างๆ นั้นสามารถให้บริการ VoIP เพื่อเป็นบริการเสริมเพิ่มเติมขึ้นมาจากการให้บริการระบบเครือข่าย Internet แบบปกติธรรมดา หรือที่เราเรียกว่า Value Added Services ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างความแตกต่างและเพิ่มทางเลือกในการให้บริการกับกลุ่มลูกค้าด้วย