วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2551
VoIP ในเมืองไทย
สำหรับประเทศไทย ปัจจุบัน VoIP ช่วยให้ผู้บริโภคประหยัดค่าโทรศัพท์ทางไกลต่างประเทศได้มากขึ้น ในสภาพแวดล้อมซึ่งอุตสาหกรรมด้านสื่อเคลื่อนที่กำลังคึกคัก ในขณะที่ตลาดการบริการด้าน PSTN telephony และเครือข่าย ที่ควบคุมโดยรัฐยังค่อยเป็นค่อยไป ในขณะนี้ การให้บริการด้านโทรศัพท์ระหว่างประเทศ และอินเทอร์เน็ตยังดำเนินอยู่ภายใต้ การกำกับดูแล ของการสื่อสารแห่งประเทศไทย (กสท.) ขณะที่การให้บริการโทรศัพท์ทางไกลในประเทศนั้น ดำเนินการภายใต้สัมปทานของทั้งทศท. คอร์ปอเรชั่น (เดิมคือ องค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย) และกสท. ผ่านผู้ให้บริการที่ได้รับสัมปทานโครงข่ายเซลลูลาร์ องค์กรด้านโทรคมนาคมส่วนบุคคลล้วนเข้าแถวเพื่อรับการพิจารณาเป็นผู้รับสัมปทาน เพื่อให้บริการโทรศัพท์ระหว่าง ประเทศซึ่งอาศัยเทคโนโลยี VoIP โดยผ่านการเปิดทางจาก ทศท. คอร์ปอเรชั่น ไปยังลูกค้ารายย่อยและธุรกิจถึง 7 ล้านรายทั่วประเทศ บริการโทรศัพท์ทางไกลในประเทศ ช่วยทำให้ลูกค้าต่างๆ รู้สึกยินดีไปกับการประหยัดค่า โทรศัพท์ทางไกลในประเทศลงจากเดิมถึงร้อยละ 37-70 กสท. มีผู้รับสัมปทานด้านการให้บริการอินเทอร์เน็ตถึง 18 ราย ภายใต้การดำเนินการที่แบ่งผลกำไร และใช้ ประโยชน์จาก VoIP สำหรับบริการโทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศ ด้วยบริการที่เรียกว่า e-Phone ซึ่งช่วยประหยัด ค่าใช้บริการลงถึงครึ่งหนึ่งจากค่าบริการปกติ ถึงแม้ว่า ทศท. และ กสท. เป็นผู้ให้บริการและผู้ออกมาตรการต่างๆ แต่การก่อตั้งของคณะกรรมการด้าน โทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ National Telecommunications Committee (NTC) ในฐานะผู้กำกับดูแลอิสระ และผู้มีบทบาทสำคัญในการอนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกา ด้านโทรคมนาคมในสภานิติบัญญัติ เป้าหมายแห่งการเปิด เสรีในระยะยาวก็ได้รับการกระตุ้นเพื่อการแข่งขันต่อไป ขณะนี้ ใบอนุญาตด้าน VoIP ยังเป็นที่ต้องห้ามสำหรับผู้ให้บริการรายอื่น ตลอดจนการจราจรบนอินเทอร์เน็ท ในประเทศไทย ต้องผ่านเกตเวย์ของกสท. ในประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ สถานการณ์นั้นแตกต่างออกไป ตัวอย่างเช่น ใบอนุญาตด้าน VoIP ในมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ เป็นเรื่องที่เปิดกว้าง ในขณะที่กัมพูชา และลาว ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น