วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2551
กลยุทธ์การลงทุนสำหรับองค์กร
VoIP ดูจะเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจสำหรับรูปแบบการสื่อสารในอนาคตสำหรับธุรกิจ ซึ่งในปัจจุบันได้มีการหันเหมาสนใจการใช้ระบบ VoIP ทดแทนหรือเสริมกับระบบโทรศัพท์เดิมที่มีอยู่อย่างกว้างขวาง อย่างไรก็ดีระบบการสื่อสารถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่เป็นหัวใจสำคัญขององค์กรที่ต้องพิจารณาและศึกษาให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อนตัดสนใจลงทุน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
http://www.adslthailand.com/forum/viewtopic.php?t=11427 , ข่าว : Telecom Journal
http://www.vcharkarn.com/varticle/17875/5การสื่อสารด้วยระบบ VoIP, มาทำความรู้จักกับเทคโนโลยีซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างข้อมูลกับสัญญาณเสียงเข้าด้วยกัน เทคโนโลยีที่เรากำลังจะกล่าวถึงนี้ก็คือ... เทคโนโลยี Voice over IP หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า “VoIP”
VoIP ในเมืองไทย
อนาคตของ และทิศทางบริการของ VoIP
การให้ความสนใจในการให้บริการ โทรศัพท์ผ่านอินเทอร์เน็ต (Voice over IP) ในไทย ปี 2551 มีการจัดอบรมสัมมนาทั้งที่ไม่เสียค่าใช้จ่ายโดยมหาวิทยาลัยของรัฐโดยการสนับสนุนของผู้ให้บริการและมี กาจัดอบรมแบบมีค่าใช้จ่าย โดยมีเป้าหมายกลุ่มลูกค้า ที่มีสำนักงานหลายสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ แล้วต้องการที่จะทำ conference ประชุมโทรศัพท์พร้อมๆ กันหลายสายผ่านอินเตอร์เน็ต บริษัทมีหลายสาขาทั่วประเทศไทย และมีการติดต่อโทรศัพท์ไปมาถึงกันระหว่างสาขาบ่อยมากอยากจะลดค่าใช้จ่ายโทรศัพท์, ต้องการเปิดสำนักงานเล็กๆ ให้บริการด้านโทรศัพท์โทรทางไกลระหว่างประเทศ(แบบผ่านอินเตอร์เน็ต) ญาติและลูกอยู่ต่างประเทศต้องการที่จะลดค่าใช้จ่ายโทรทางไกลระหว่างประเทศ เพื่อนำไปติดตั้งและประยุกต์ใช้งานในองค์กร บริษัทเพื่อลดค่าใช้จ่ายโทรศัพท์มากกว่า 70-80% , ประหยัดค่าใช้จ่ายในการโทรไปต่างประเทศได้เป็นจำนวนมาก , การให้บริการโทรทางไกลระหว่างประเทศ เมื่อมีการเปิดเสรีโทรคมนาคม
วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2551
อุปกรณ์ที่จำเป็นกับเทคโนโลยี VOIP / อุปกรณ์ที่รองรับการทำงานของเทคโนโลยี VOIP
1) อุปกรณ์แปลงสัญญาณ (Internet Access Device: IAD) ซึ่งมีลักษณะเป็นกล่อง ทำหน้าที่แปลงสัญญาณให้สามารถใช้กับโทรศัพท์ทั่วไปได้
2) เครื่องโทรศัพท์ IP-Phone ซึ่งจะเป็นเครื่องโทรศัพท์สำหรับใช้บริการ IP-Phone โดยเฉพาะ
3) อุปกรณ์สำหรับเชื่อมต่อเข้ากับตู้สาขาหรือชุมสายโทรศัพท์ภายใน (PBX) ซึ่งเป็นอุปกรณ์เฉพาะเหมาะสำหรับหน่วยงานที่มีตู้ PBX สำหรับกระจายเลขหมายใช้ภายในหน่วยงาน ทำให้สามารถใช้บริการโทรศัพท์ติดต่อกับภายนอกผ่านบริการ CAT2Call Plus (แต่ถ้าเป็นหน่วยงาน/บ้านพักอาศัย ที่ไม่ได้ใช้ระบบ PBX ก็ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ตัวนี้)
ปัจจุบันได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี VOIP ให้สามารถใช้บนระบบโทรศัพท์มือถือได้ เช่น โทรศัพท์มือถือค่าย Nokia รุ่น E-series ซึ่งสามารถรองรับการใช้งาน VOIP ได้โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์เชื่อมต่อใดๆ เพิ่มเติม
โดย Nokia E-Series มี WLAN ที่สามารถรองรับกับระบบการเชื่อมต่อ internet ผ่าน wireless และยังมีเทคโนโลยี SIP Protocalที่ส่งเสริมการใช้งานโทรศัพท์ผ่านระบบ VoIP ที่โทรศัพท์รุ่นอื่นๆ นั้นยังไม่มีเทคโนโลยีนี้รองรับ โดยจะต้องตั้งค่าต่างๆ ภายในเครื่อง และเชื่อมต่อ Internet ผ่านระบบ Wireless เพื่อที่จะใช้งานโทรศัพท์ผ่านระบบ VoIP ที่สามารถโทรหากันระหว่าง SIP Account ฟรี ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนทั่วโลกเพียงแค่สามารถเชื่อมต่อ Internet ได้ หรือการโทรศัพท์ระหว่างประเทศในอัตราพิเศษ
ซึ่ง SIP Account ที่นำมาใช้งานควบคู่กับ Nokia E-series นั้น สามารถหาได้จากผู้ให้บริการโทรศัพท์ระบบ VoIP ต่างๆ ที่มีอยู่ ณ ปัจจุบัน ซึ่งในประเทศไทยนั้น ยังถือว่าเป็นเรื่องใหม่ ยังมีผู้ใช้งานไม่มากนัก และยังมีผู้ให้บริการไม่กี่รายที่ให้บริการ SIP Account ที่รองรับการใช้งานกับโทรศัพท์มือถือ แต่คาดว่าอีกไม่นานโทรศัพท์ค่ายยักษ์ใหญ่รายอื่นๆ จะต้องถยอยออกโทรศัพท์มือถือที่มีระบบ VoIP รองรับการใช้งานออกมาอย่างแน่นอน เนื่องจากระบบ VoIP ไม่ได้มีประโยชน์เพียงแค่การโทรศัพท์เท่านั้น แต่สามารถนำมาใช้พัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานของบริษัทต่างๆ ได้อีกด้วย
บริษัทที่ให้บริการเทคโนโลยี VOIP
สำหรับในประเทศไทยผู้ที่เปิดให้บริการการสื่อสารผ่านระบบ VOIP ที่ถูกต้องตามกฎหมายรายแรก คือ CAT Telecom โดยได้เปิดให้บริการ CAT2Call ในระยะแรกซึ่งเป็นบริการโทรศัพท์ผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต (Voice over Internet Protocol: VoIP) แบบ PC-to-Phone หรือ Web Phone ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ภายใต้ชื่อบริการ CAT2Call เพื่อตอบรับกับความต้องการของผู้ใช้บริการที่ต้องการโทรศัพท์ระหว่างประเทศในราคาประหยัด ซึ่งสามารถโทรได้ทันทีขณะที่กำลังใช้บริการอินเทอร์เน็ตอยู่ อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก CAT2Call มีข้อจำกัดที่ผู้ใช้บริการจะต้องมีเครื่องคอมพิวเตอร์ต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต จึงจะสามารถใช้บริการได้ หลังจากนั้น CAT Telecom จึงได้พัฒนาการให้บริการในรูปแบบใหม่เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้บริการ และเพิ่มกลุ่มผู้ใช้บริการในระดับองค์กร หรืออุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่เน้นค่าโทรศัพท์ราคาประหยัด โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้การโทรศัพท์ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์และโปรแกรมโทรแบบ CAT2Call หรือ PC-to-Phone อีกต่อไป
ภายใต้ชื่อบริการ CAT2Call Plus ซึ่งเป็นบริการ IP Phone แบบ Phone-to-Phone ด้วยเทคโนโลยี Session Initiation Protocol หรือที่เรียกกันว่า SIP Phone โดยมีเลขหมายสำหรับการติดต่อและรับสายเรียกเข้าได้ด้วย สามารถใช้บริการผ่าน อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง หรือบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต (Broadband Internet) โดยต้องมีความเร็ว (Speed) ของอินเทอร์เน็ตตั้งแต่ระดับ 128 Kbps ขึ้นต้นไป ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตแบบ Hi-Net, Corporate Internet ของ CAT Telecom หรือของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) รายอื่น
ข้อจำกัด/ข้อด้อยของเทคโนโลยี VOIP
ประโยชน์ที่ได้รับจากเทคโนโลยี VOIP
จากเนื้อหาที่ผ่านมาทำให้ได้ทราบถึงความหมายของเทคโนโลยี VoIP วิวัฒนาการของเทคโนโลยีรวมถึงกระบวนการทำงานของ VoIP แล้ว ดังนั้นในหัวข้อนี้จะกล่าวถึงข้อดีต่างๆ ของเทคโนโลยี VoIP ว่ามีข้อดีอะไรที่ควรจะนำมาประยุกต์ใช้งานได้
แน่นอนว่าข้อดีอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดของเทคโนโลยี VOIP นี้ก็คือ การประหยัดค่าใช้จ่ายลงไปอย่างมาก เนื่องจากไม่จำเป็นต้องเสียค่าโทรศัพท์ระยะทางไกลหรือระหว่างประเทศอีก เพราะเทคโนโลยี VOIP จะส่งผ่านระบบเครือข่ายที่เชื่อมถึงกัน ไม่ว่าจะเป็นเครือข่ายภายในองค์กร เครื่อข่ายอินเตอร์เน็ต หรือระบบเครือข่ายอื่นๆ ทั่วโลก ตลอดจนระบบ VoIP ยังจะสามารถขยายขีดความสามารถออกไปได้อย่างไม่มีข้อจำกัด (ขึ้นอยู่กับการเชื่อมกันของระบบเน็ตเวิร์ก) เมื่อเปรียบเทียบกับโทรศัพท์ระบบเดิม
นอกจากนี้ประโยชน์ที่จะได้รับจากการนำเทคโนโลยี VOIP มาใช้เพื่อเป็นการติดต่อสื่อสารกันระหว่างสาขาที่อยู่ในระยะทางไกล จะทำให้องค์กรได้ประโยชน์ในแง่ของข้อมูลข่าวสารต่างๆ ระหว่างองค์กรมากยิ่งขึ้น เนื่องจากจะมีการสื่อสารแลกเปลี่ยนข่าวสารกันระหว่างสาขาขององค์กรมากยิ่งขึ้น โดยที่ไม่ต้องกังวลในเรื่องของค่าใช้จ่ายของการสื่อสารทางไกลอีกต่อไป ทำให้แต่ละสาขาได้รับข่าวสารข้อมูลล่าสุดขององค์กรอย่างทันท่วงที และไม่ต้องมีการรอ ซึ่งอาจนำมาซึ่งการล่าช้าในการปฏิบัติงานและการบริการ
อย่างไรก็ตาม กลุ่มเป้าหมายที่สามารถได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยี VOIP เพื่อการประยุกต์ใช้งานมากที่สุด ได้แก่... กลุ่มธุรกิจขนาดย่อม หรือ SME (Small/Medium Enterprise) รวมถึงกลุ่ม ISP (Internet Service Provider) ต่างๆ ซึ่งมีระบบเครือข่ายข้อมูลของตนเองอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเครือข่าย Leased Line, Frame Relay, ISDN หรือแม้กระทั่งเครือข่าย E1/T1 รวมถึงมีระบบตู้สาขาโทรศัพท์ในการใช้งานด้วย เป็นต้น แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับจำนวนการใช้งานสัญญาณเสียงผ่านระบบโทรศัพท์ด้วยว่ามีการใช้งานมากน้อยแค่ไหน คุ้มค่าแก่การลงทุนในการพัฒนานำเทคโนโลยี VoIP มาใช้หรือไม่
สำหรับกลุ่มธุรกิจ ISP นั้นสามารถที่จะนำเทคโนโลยี VoIP นี้มาประยุกต์ใช้งานเพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสในธุรกิจของตนเองมากยิ่งขึ้น โดยทาง ISP ต่างๆ นั้นสามารถให้บริการ VoIP เพื่อเป็นบริการเสริมเพิ่มเติมขึ้นมาจากการให้บริการระบบเครือข่าย Internet แบบปกติธรรมดา หรือที่เราเรียกว่า Value Added Services ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างความแตกต่างและเพิ่มทางเลือกในการให้บริการกับกลุ่มลูกค้าด้วย
วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2551
Voice Over Ip คืออะไร
ระบบ VoIP จะนำส่งสัญญาณเสียงโดยแปลงเป็นสัญญาณ Digital เมื่อแปลงข้อมูลแล้วจะมีขนาด 64 Kbps การนำเข้าข้อมูลเสียงขนาด 64 Kbps นี้จะนำมาบีบอัดให้เหลือประมาณ 8 – 10 Kbps ต่อช่องสัญญาณเสียงแล้วจึงบรรจุลงใน IP Packet เพื่อส่งสัญญาณผ่านเครือข่าย Internet การติดต่อสื่อสารบนระบบ VoIP สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับระบบโทรศัพท์ที่เป็นตู้ชุมสายภายในองค์กร (Private Branch Exchange: PBX) เชื่อมต่อถึงกันผ่านทางเครือข่าย IP ซึ่งจะทำให้สามารถติดต่อสื่อสารระหว่าง PBX กับ PBX โดยสามารถโทรศัพท์ผ่านเครือข่าย IP รวมถึงการรับส่งข้อมูลไปพร้อม ๆ กันได้ ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายขององค์กร
VoIP ใช้หลักการทำงานเดียวกับการทำงานของ Internet Protocol กล่าวคือ จะแบ่งข้อมูลที่ต้องการส่งย่อยออกเป็นส่วน ๆ แต่ละส่วนของข้อมูลจะถูกส่งออกไปในเส้นทางที่อาจจะแตกต่างกันบนระบบ Internet โดยที่ข้อมูลแต่ละส่วนอาจจะไปถึงปลายทางในเวลาและลำดับที่แตกต่างกัน ซึ่งหลังจากนั้นจะเรียงลำดับและรูปแบบที่ถูกต้องเหมือนต้นแบบข้อมูลที่ถูกส่งมา ซึ่งสามารถอธิบายกระบวนการทำงานของ VoIP (สมิทธิชัย ไชยวงศ์, รังสิมา เกียรติยุทธชาติ, 2550) ได้ดังนี้

2. การแยกสัญญาณออกเป็นส่วน ๆ เพื่อทำการตัดสัญญาณ Echo ออก ซึ่งกระบวนการนี้จะถูกจัดการโดย DSP (Digital Signal Processors)

3. การแบ่งสัญญาณเป็นรูป Fram

4. เปลี่ยนแปลง Fram ของสัญญาณให้อยู่ในรูปของ Packet ซึ่งจะมีการเพิ่ม Header เข้าไปใน Packet โดยส่วนของ Header จะประกอบไปด้วยข้อมูลที่เรียกว่า Sequence Number และ Time Stamp หลังจากนั้น Packet จะถูกส่งต่อไปที่ Host Processor

5. นำ Packet มาใส่ค่า IP Address ปลายทาง

6. เมื่อ Packet มาถึงปลายทาง ข้อมูลของ Header จะถูกแยกออกให้เหลือแค่ Voice Fram หลังจากนั้นจะแปลงสัญญาณ Digital PCM ให้กลับมาเป็นสัญญาณในรูปแบบ Analog ที่เป็นสัญญาณที่ถูกส่งมาจากต้นทางอีกครั้งหนึ่ง
Error Correction
กระบวนการนี้จะเป็นกระบวนการที่ใช้ในการตรวจสอบและแก้ไขข้อผิดพลาดซึ่งอาจจะเกิดขึ้นระหว่างการส่งสัญญาณและนำมาซึ่งความผิดเพี้ยนหรือความเสียหายของสัญญาณจนทำให้เราไม่สามารถทำการสื่อสารอย่างถูกต้องได้
Standard of VoIP Technology
สำหรับมาตรฐานที่มีการใช้งานอยู่บนเทคโนโลยี VoIP นั้น โดยทั่วไปจะมีอยู่ 2 มาตรฐานด้วยกัน ได้แก่... มาตรฐาน H.323 และมาตรฐาน SIP มาตรฐานเหล่านี้ เราสามารถเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า “Call Control Technologies” ซึ่งถือว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับการนำเทคโนโลยี VoIP มาใช้งานเลยก็ว่าได้ ถ้าอย่างนั้น เราไปทำความรู้จักเกี่ยวกับมาตรฐานทั้ง 2 ตัวนี้กันอย่างคร่าวๆ กันสักนิดก็แล้วกัน...
H.323 Standard
สำหรับมาตรฐาน H.323 นั้น จริงๆ แล้วไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับระบบเครือข่ายที่ใช้ Internet Protocol (IP) นอกจากนั้นมาตรฐาน H.323 ยังมีการทำงานที่ค่อนข้างช้า โดยปกติแล้วเราจะเสนอการใช้งานมาตรฐาน H.323 ให้กับลูกค้าก็ต่อเมื่อในระบบเดิมของลูกค้ามีการใช้งานมาตรฐาน H.323 อยู่แล้วเท่านั้น...
- มาตรฐาน H.323 เป็นมาตรฐานภายใต้ ITU-T (International Telecommunications Union) Standard
- ในตอนแรกนั้น มาตรฐาน H.323 ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อเป็นมาตรฐานสำหรับการทำ Multimedia Conferencing บนระบบเครือข่าย LAN เป็นหลัก แต่มาในตอนหลังจึงถูกพัฒนาให้ครอบคลุมถึงการทำงานกับเทคโนโลยี VoIP ด้วย
- มาตรฐาน H.323 สามารถรองรับการทำงานได้ทั้งแบบ Point-to-Point Communications และแบบ Multi-Point Conferences
- อุปกรณ์ต่างๆ จากหลากหลายยี่ห้อ หรือหลายๆ Vendors นั้นสามารถที่จะทำงานร่วมกัน (Inter-Operate) ผ่านมาตรฐาน H.323 ได้
SIP (Session Initiation Protocol) Standard
มาตรฐาน SIP นั้นถือเป็นมาตรฐานใหม่ในการใช้งานเทคโนโลยี VoIP โดยที่มาตรฐาน SIP นั้น ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานกับระบบ IP โดยเฉพาะ ซึ่งโดยปกติแล้วเราจะแนะนำให้ลูกค้าใหม่ที่จะมีการใช้งาน VoIP ให้มีการใช้งานอยู่บนมาตรฐาน SIP...
- มาตรฐาน SIP นั้นเป็นมาตรฐานภายใต้ IETF Standard ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับการเชื่อมต่อ VoIP
- มาตรฐาน SIP นั้นจะเป็นมาตรฐาน Application Layer Control Protocol สำหรับการเริ่มต้น (Creating), การปรับเปลี่ยน (Modifying) และการสิ้นสุด (Terminating) ของ Session หรือการติดต่อสื่อสารหนึ่งครั้ง
- มาตรฐาน SIP จะมีสถาปัตยกรรมการทำงานคล้ายคลึงการทำงานแบบ Client-Server Protocol
- เป็นมาตรฐานที่มี Reliability ที่ค่อนข้างสูง
บทนำ
ในอดีตนั้น การติดต่อสื่อสารเป็นเรื่องที่ยากลำบาก การส่งข่าวจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่งใช่เวลาเป็นวัน, เดือน หรือมากกว่านั้น อุปกรณ์ที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารก็มีการพัฒนาจากอุปกรณ์พื้นบ้านอย่างควันไฟ จนก้าวล่วงมาถึงเทคโนโลยีในยุค 3G อย่างทุกวันนี้ ไม่เพียงเท่านั้นเทคโนโลยีของการสื่อสารยังก้าวไปอย่างไม่หยุดยั้ง หากแต่มีการพัฒนาขึ้นไปตามความต้องการของผู้ใช้ รวมไปถึงการพัฒนาตามแต่จินตนาการของผู้ประดิษฐ์จะนำพาไป
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา เทคโนโลยีการสื่อสารผ่านเครือข่าย Internet Protocol เป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายแต่เนื่องจากข้อจำกัดบางประการของเทคโนโลยีจึงทำให้การส่งข้อมูลประเภทภาพและเสียงยังไม่มีประสิทธิภาพดีเท่าที่ควร อย่างไรก็ตามได้มีการพัฒนาเทนโนโลยีการติดต่อสื่อสารผ่านเครือข่าย IP ให้มีประสิทธิภาพสามารถส่งข้อมูลที่เปนทั้งภาพและเสียงได้รวดเร็วยิ่งขึ้น เราเรียกเทคโนโลยีนี้ว่า Voice Over IP : VoIP ซึ่งเราจะมาทำความรู้จักกับเทคโนโลยีนี้ให้มากยิ่งขึ้น
เทคโนโลยีการสื่อสารในปัจจุบันได้มีการขยายตัวไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะระบบเครือข่ายสัญญาณข้อมูล หรือ Data Network ซึ่งมีอัตราการเติบโตเร็วกว่าระบบเครือข่ายสัญญาณเสียงจนสามารถนำสัญญาณเสียงเข้ารวมกับระบบเครือข่ายสัญญาณข้อมูล และสามารถรับ-ส่งสัญญาณทั้งสองพร้อมกันในเวลาเดียวกันได้ โดยเทคโนโลยีดังกล่าวได้เริ่มเข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันเมื่อกว่า 2-3 ปี ที่แล้ว และนับวันจะยิ่งพัฒนาระบบให้มีการใช้งานกันอย่างกว้างขวางมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อรองรับความต้องการที่จะติดต่อสื่อสารระหว่างกันในระยะทางไกลไกล อาทิ การใช้โทรศัพท์บนเครือข่าย การติดต่อด้วยเสียง ระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ การกระจายสัญญาณเสียงหรือภาพบนเครือข่าย และระบบการสื่อสารด้วยเสียงผ่านเครือข่าย IP ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่ายในเรื่องระบบโทรศัพท์ได้มากขึ้นด้วย
ระบบการสื่อสารด้วยเสียงผ่านเครือข่าย IP หรือเทคโนโลยีที่ผสมผสานระหว่างข้อมูลกับสัญญาณเสียงเข้าด้วยกัน ก็คือ... เทคโนโลยี Voice over IP หรือที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่า “VoIP”
Voice over IP คือ... การที่เราได้นำสัญญาณเสียงมาผสมรวมเข้ากับสัญญาณข้อมูล เพื่อให้สามารถส่งผ่านไปบนระบบเครือข่ายด้วยกันด้วยโปรโตคอลที่มีใช้กันอยู่อย่างแพร่หลาย คือ Internet Protocol หรือที่รู้จักกันทั่วไปในนาม IP ซึ่งโดยปกติเราจะใช้ IP ในการส่งสัญญาณข้อมูลเท่านั้น แต่ด้วยเทคโนโลยี VoIP นี้ ทำให้เราสามารถพัฒนาการสื่อสารผ่านสัญญาณเสียงให้สามารถสื่อสารผ่าน IP ได้
อินทราณี พหลพลหยุหเสนา